ประวัติ ของ ซอนนี่ บอย จาโร

จาโรเริ่มชกมวยเมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 2001 ชนะน็อค แดเนียล อาซาลาร์ ยก 4 ได้ครองแชมป์ฟิลิปปินส์รุ่นไลท์ฟลายเวทเมื่อ ค.ศ. 2004 จากนั้นได้ชิงแชมป์เงารุ่นฟลายเวท WBC แพ้น็อค โมเนลิซี่ เอ็มเยเกนี เมื่อวันที่ 29 เมษายน ค.ศ. 2005 ต่อมาได้ชิงแชมป์แพนแปซิฟิกรุ่นไลท์ฟลายเวท สหพันธ์มวยนานาชาติ (IBF) แต่แพ้น็อค แองกี้ แองโกตา ไม่สำเร็จอีก จนเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ. 2005 จึงได้ครองแชมป์ IBF แพนแปซิฟิกรุ่นไลท์ฟลายเวทด้วยการชนะน็อค เก่งกาจ ศักดิ์ประชา ยกแรก

จากนั้น ใน ค.ศ. 2006 จาโรขึ้นชิงแชมป์ของ PABA แต่แพ้น็อกยก 6 ต่อ พรสวรรค์ ป.ประมุข ที่จังหวัดสระแก้ว ต่อมาในปี ค.ศ. 2008 ได้ครองแชมป์ของสหพันธ์มวยภาคตะวันออกไกลและแปซิฟิก (OPBF)โดยขึ้นชิงแชมป์รุ่นไลท์ฟลายเวทที่ว่าง ชนะคะแนน อลองก์ ดีนอย เมื่อ 20 มิถุนายน จากนั้น ได้ชิงแชมป์โลกรุ่นไลท์ฟลายเวท ของสภามวยโลกเมื่อวันที่ 22 กันยายนปีเดียวกัน แต่แพ้คะแนนเอ็ดการ์ โซซ่าไม่ได้แชมป์ ในปีต่อมา ขึ้นชิงแชมป์รุ่นเดียวกันนี้ของสมาคมมวยโลกเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน แต่ก็แพ้น็อค จิโอวานี เซกูร่า ยกแรก ไม่ได้แชมป์[1]

ซอนนี่ บอย จาโร ประสบความสำเร็จในการชิงแชมป์โลกเป็นครั้งที่สาม เมื่อเป็นฝ่ายชนะทีเคโอยก 6 ต่อ พงษ์ศักดิ์เล็ก ศิษย์คนองศักดิ์ นักมวยชาวไทย เมื่อวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 2012 ที่จังหวัดชลบุรี ซึ่งก่อนหน้านั้น ได้มีฝนตกลงอย่างมาหนัก ทำให้พื้นเวทีลื่น ซึ่งบอย จาโร ได้ชกพงษ์ศักดิ์เล็กลงไปให้กรรมการนับ 8 ในยกแรกและยกที่สี่ด้วย และใช้การชกนอกกติกา เช่น หัวพุ่งชน, ชกต่ำกว่าเข็มขัด ด้วย[2] [3] ซึ่งหลังการชก พงษ์ศักดิ์เล็กได้ยอมรับในความพ่ายแพ้ และกล่าวว่าจาโร เป็นนักมวยหมัดหนักที่สุดเท่าที่เคยพบมา และการชกครั้งนี้นับเป็นครั้งที่เจ็บตัวมากที่สุด[4]

ต่อมา ได้ป้องกันตำแหน่งครั้งแรกกับ โตชิยุกิ อิกะระชิ นักมวยชาวญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ปีเดียวกัน ที่ไซตะมะ ก็แพ้คะแนนอย่างไม่เป็นเอกฉันท์ เสียแชมป์ไปทันที

เมื่อ อำนาจ รื่นเริง แชมป์โลกในรุ่นฟลายเวท IBF จะป้องกันตำแหน่งกับรองแชมป์โลกอันดับ 1 แม็ควิลเลี่ยม อาร์โรโย่ นักมวยชาวเปอร์โตริโก ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2557 ที่จังหวัดนครราชสีมา ทางทีมงานของอำนาจก็ได้ว่าจ้างจาโรให้เดินทางมาเป็นคู่ซ้อมของอำนาจด้วยเป็นเวลา 21 วัน[5]